โรงสกัดปาล์มตรัง ขานรับค้าภายใน ซื้อปาล์ม 5 บาทต่อกก. แต่มีเงื่อนไข แบ่งราคารับซื้อ 3 กลุ่ม

หน้าแรก > ข่าวสำคัญ และ บทวิเคราะห์ราคาปาล์มทั่วไป (ทั่วโลก) > โรงสกัดปาล์มตรัง ขานรับค้าภายใน ซื้อปาล์ม 5 บาทต่อกก. แต่มีเงื่อนไข แบ่งราคารับซื้อ 3 กลุ่ม
โรงสกัดปาล์มตรัง ขานรับค้าภายใน ซื้อปาล์ม 5 บาทต่อกก. แต่มีเงื่อนไข แบ่งราคารับซื้อ 3 กลุ่ม

4 รง.สกัดปาล์มตรัง ขานรับกรมการค้าภายใน รับซื้อ 5บาทต่อกก. แต่มีเงื่อนไขต้องสุกได้คุณภาพ อ้างต้องแบ่งซื้อ 3 เกรดเพื่อแข่งขันตลาดโลก วอนประเมินราคาใหม่ทุก 7-10 วัน เกษตรกรรายย่อยขายลานเทยังได้ไม่ถึงราคาประกาศ ชี้จะให้อยู่ได้ต้อง 6 บาทต่อกก.

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันจ่าโทอนันต์ บุญสำราญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามการรับซื้อผลผลิตปาล์มน้ำมันที่โรงงานสกัดต่างๆ ในจังหวัดตรัง ทั้ง 4 โรง หลังกรมการค้าภายในขอความร่วมมือให้โรงงานรับซื้อผลผลิตในราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 5 บาท ที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18% เป็นเวลา 2 เดือน (พ.ค.-มิ.ย.68) นับตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคมเป็นต้นไป หรือต้องสูงขึ้นให้สอดคล้องกับอัตราสกัดน้ำมันปาล์ม และโดยจะมีการทบทวนทุกๆ 7-10 วัน

พันจ่าโทอนันต์เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ติดตามการรับซื้อผลผลิตของโรงงานพบว่า มีการปฏิบัติตามที่กรมการค้าภายในร้องขอช่วยตรึงราคาที่ กก.ละไม่ต่ำกว่า 5 บาท แต่จะต้องดูคุณภาพผลผลิตจากลานเทและจากเกษตรกรด้วย และต้องมีความสุกจัดหีบออกมาแล้วจะต้องได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันเป็นไปตามกฎหมายด้วย แต่ในที่นี้ยังมีผลผลิตปาล์มส่วนหนึ่งไม่มีคุณภาพ อาจเพราะทีมตัดที่ต้องการได้น้ำหนักที่มากเพื่อจะได้ค่าตอบแทนที่สูง แต่ไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพผลผลิตจึงได้ผลไม่สุกดี จึงต้องเข้าใจผู้ประกอบการด้วย ตนเป็นคนกลางอยู่ระหว่างโรงงาน ลานเท และเกษตรกร ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจกันต่อไป เบื้องต้นทางโรงงานทั้ง 4 แห่ง พร้อมให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายในสำหรับผลผลิตที่มีคุณภาพ ดังนั้นเมื่อครบ 10 วัน ทางกรมการค้าภายในก็อาจจะส่งเจ้าหน้าที่ลงมาประเมินภาพรวมอีกครั้งและดูแนวโน้มตลาดด้วย เพื่อดูมาตรการในขั้นต่อไป

ขณะที่ นายสุพจน์ เพ็งจันทร์ ผู้จัดการบริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางโรงงานพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ต้องร่วมมือกันทำปาล์มคุณภาพ เพื่อให้ทางโรงงานได้เพิ่มเปอร์เซ็นต์การสกัด และกรมการค้าภายในจะต้องประเมินทุกๆ 7-10 วัน เพราะต้องดูปัจจัยภายนอก เช่น สถานการณ์ตลาดน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) จะต้องดูภาวะตลาดโลก และต้องเน้นให้เกษตรกรและทีมตัดปาล์มสุก เพื่อขายลานเทและโรงงานเพื่อชะลอราคา และต้องแข่งขันกับตลาดโลกด้วย เชื่อว่าหากทุกโรงงานมีเปอร์เซ็นต์สกัดที่ 18% ขึ้นไป ก็พร้อมจะตอบแทนด้านราคาที่จะต้องดีขึ้นแน่นอน

ส่วนราคารับซื้อของโรงงานล่ำสูง เนื่องจากทางโรงงานให้ความสำคัญกับคุณภาพผลผลิต เพราะต้องแข่งขันกับตลาดโลกด้วย จึงแบ่งราคารับซื้อออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเกษตรกรทั่วไป หากตัดมาพร้อมกับเก็บเมล็ดปาล์มร่วงมาด้วย เท่ากับเป็นผลผลิตที่มีคุณภาพ จะรับซื้อในราคา กก.ละ 5 บาท ส่วนเกษตรกรที่มาจากแปลง RSPO จะได้ราคา กก.ละ 5.00-5.30 บาท ส่วนผลผลิตจากลานเท ยังต้องปรับปรุงเรื่องคุณภาพที่รับซื้อจากเกษตรกรและทีมตัด ต้องสุกจริง ที่ผ่านมายังไม่ได้คุณภาพ เช่น ยังมีผลไม่สุกจัดปนมาด้วย มีการฉีดน้ำ ทำให้ทางโรงงานต้องรับซื้อจากลานเทอีกราคาหนึ่ง ซึ่งไม่ถึง กก.ละ 5 บาท

ด้าน นายโกสิทธิ์ เดชาพร ชาวสวนปาล์มน้ำมันซึ่งนำผลผลิตมาขายโรงงาน กล่าวว่า ของตนมาจากแปลง RSPO ขายได้ราคา กก.ละ 5 บาท ซึ่งดีกว่าก่อนหน้านี้ที่ได้ กก.ละ 4.70 บาท แต่ราคาที่เกษตรกรอยู่ได้จะต้องไม่ต่ำกว่า กก.ละ 6 บาท เพราะต้นทุนสูง รวมทั้งปุ๋ยยังแพงกระสอบละกว่า 1,300 บาท

ด้าน นายสมศักดิ์ ไทยแก้ว เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันอีกราย กล่าวว่า อยากให้หน่วยงานรัฐมีการตรวจสอบเปอร์เซ็นต์สกัดน้ำมันปาล์มดูข้อเท็จจริง เพราะที่ผ่านมาผลผลิตปาล์มน้ำมันไปอยู่ที่กว่า 20 เปอร์เซ็นต์สกัดแล้ว เพื่อให้ความเป็นธรรมกับเกษตรกร ต้นทุนของเกษตรกรสูงประมาณ กก.ละ 5 บาท เฉพาะค่าตัดตันละ 1,000 บาท ปุ๋ยกระสอบละ 1,400 บาท ตอนนี้เกษตรกรไม่พอซื้อปุ๋ย ราคาที่เกษตรกรอยู่ได้จะต้อง กก.ละ 5.50-6.00 บาท

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบลานเท พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่จำเป็นต้องขายลานเท เนื่องจากโรงงานอยู่ไกลไม่คุ้มทุนหากต้องขนไปขายที่โรงงาน โดยราคาที่ลานเทยังอยู่ที่ประมาณ กก.ละ 3.70-4.00 บาท เพราะทางโรงงานให้ราคารับซื้อลานเทไม่ถึง กก.ละ 5 บาท รวมทั้งปัญหาการติดคิวขายยังมีอยู่อย่างน้อย 1-2 คืน ทำให้น้ำหนักปาล์มหาย และมีค่าใช้จ่ายติดคิวเพิ่มขึ้น

ข้อมูล : Matichon Online - มติชนออนไลน์

เวลาโพส : 2025-05-06 20:10:29

( แสดงความคิดเห็น )

กระทู้ล่าสุด

รายละเอีัยด

ผู้โพส